ตลาดหุ้นอินเดีย (Sensex) ปรับลดลง 4,390 จุด หรือ 5.74% มาปิดที่ 72,079.05 จุด ถือว่าเป็นการปรับลดลงในวันเดียวมากที่สุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของตลาดหุ้นอินเดียหายไปกว่า 14 ล้านล้านบาทในวันเดียว
นักลงทุนสถาบันต่างชาติเทขายหุ้นอินเดียวันเดียวมากถึง 1.24 แสนล้านรูปี (5.5 หมื่นล้านบาท)
หุ้นอินเดียปรับตัวลดลงแรงเนื่องจากผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่ออกมานั้น แม้ว่ากลุ่มพรรครัฐบาลในชื่อ พันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDA) จะได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล และ นเรนทรา โมดี จากพรรคภารติยะชนตะ (BJP) จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่ผลการเลือกตั้งกลับไม่ขาดลอยหรือชนะอย่างถล่มทลายอย่างที่คาดการณ์ไว้ ผลการเลือกตั้งที่ออกมา ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลที่อาจไม่แข็งแกร่งเช่นเดิม และอาจส่งผลต่อการปฏิรูปกฎหมายที่ดินและกฎหมายแรงงาน ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการผลักดันเศรษฐกิจอินเดียให้เติบโตต่อเนื่องในอนาคต
บลจ. เคดับบลิวไอ มองว่าการปรับฐานลงของตลาดหุ้นอินเดียในช่วงนี้ เป็นโอกาสในการ “ทยอยเข้าสะสม” หุ้นอินเดีย โดยเฉพาะการทยอยเข้าสะสมเมื่อดัชนีมีการพักฐานระยะสั้นในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ เนื่องจาก
(1) การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นอินเดียดังกล่าวเกิดจากปัจจัยระยะสั้น จากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อผลการเลือกตั้งที่พรรคของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ไม่ได้ชนะอย่างขาดลอย แต่อย่างไรก็ดี กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลยังคงครองเสียงส่วนใหญ่ และนายกฯ นเรนทรา โมดี น่าจะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องอีกสมัย
(2) ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยทำผลตอบแทนสะสม 5 ปีย้อนหลังสูงถึงกว่า 87% ดังนั้นเมื่อมีข่าวเชิงลบที่กระทบบรรยากาศการลงทุน (Negative Sentiment) นักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันต่างชาติจึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการขายทำกำไรระยะสั้น (Short-term Profit Taking)
(3) แนวโน้มระยะยาวของเศรษฐกิจอินเดียยังคงแข็งแกร่ง ทั้งความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ประโยชน์ที่จะได้รับจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ สิ้นปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ EPS growth ของตลาดหุ้นอินเดียในปีหน้า (2568) สูงถึง 14.46% โดยปัจจุบันดัชนี Sensex ซื้อขายที่ระดับ PE ที่ 22.66 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 25.6 เท่าอีกด้วย
กองทุนเปิด เดคับบลิวไอ อินเดีย อิควิตี้ เอฟไอเอฟ (KWI INDIA) กองทุนหุ้นอินเดีย 5 ดาวจาก Morningstarthailand (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 2567)
ผลตอบแทนโดดเด่นในปี 2566 (KWI INDIA-A +21.76%, KWI INDIA-D +21.51%) ต่อเนื่องปี 2567 (KWI INDIA-A +13.75%, KWI INDIA-D +13.66%) และอยู่ในกลุ่มกองทุนหุ้นอินเดียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด YTD (ข้อมูล ณ 31 พ.ค. 2567)
กองทุนหลัก หรือกองทุนปลายทาง (Master Fund) คือ Manulife Global Fund – India Equity Fund ล่าสุดได้รับรางวัล Best Fund over 10 Years – Equity India Category จาก LSEG Lipper ตอกย้ำความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการกองทุนหุ้นอินเดีย
กองทุนมี 2 ชนิดหน่วยลงทุน (Share Class) ได้แก่